ปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อความพึงพอใจของผู้ป่วยต่อบริการใน แผนกอายุรกรรมโรคมะเร็งโรงพยาบาลบ้านแพ้ว

Abstract

การวิจัยนี้มีจุดประสงค์เพื่อศึกษาปัจจัยที่มีความสัมพันธ์ต่อความพึงพอใจของผู้ป่วยต่อ บริการในแผนกอายุรกรรมโรคมะเร็ง โดยการใช้แบบสอบถามซึ่งแจกให้แก่กลุ่มตัวอย่างเป็นผู้ตอบเอง จำนวน 186 คน วิเคราะห์ข้อมูลด้วยสถิติเชิงพรรณนาและการทดสอบไคว์-สแควร์ ผลการวิจัยพบว่า มีผู้ป่วยตอบแบบสอบถามทั้งหมด 186 คน ส่วนใหญ่เป็นเพศหญิงร้อยละ 61.8 ช่วงอายุ 40-49 ปี ร้อยละ 38.7 มีสถานะภาพสมรส ร้อยละ 82.8 การศึกษาระดับปริญญาตรี และประถมศึกษา ร้อยละ 27.4มีการประกอบอาชีพเกษตรกร ร้อยละ 26.9มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือน 12,001–20,000 บาท ร้อยละ 37.6 โดยส่วนใหญ่มีประสบการณ์การเข้ามาใช้บริการมากกว่า 3 ครั้ง ร้อยละ 78.0 และมีสิทธิการรักษาพยาบาลเป็นสิทธิประกันสุขภาพถ้วนหน้า ร้อยละ 50.0 กลุ่ม ตัวอย่างส่วนใหญ่มีความพึงพอใจในการให้บริการรวมทุกด้าน 4.58 คะแนน (จากคะแนนเต็ม 5)ซึ่งเท่ากับระดับความพึงพอใจมาก โดยมีความพึงพอใจในด้านกระบวนการ/ขั้นตอนการให้บริการ เท่ากับ 4.48 คะแนน ด้านเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรที่ให้บริการ เท่ากับ 4.67 คะแนน ด้านสิ่งอำนวย ความสะดวกเท่ากับ 4.54 คะแนน และด้านคุณภาพของการให้บริการเท่ากับ 4.59 คะแนนผลของ ความสัมพันธ์ระหว่างปัจจัยส่วนบุคคลกับความพึงพอใจต่อบริการที่แผนกอายุรกรรมโรคมะเร็ง พบว่าเพศมีความสัมพันธ์กับความพึงพอใจในคุณภาพการให้บริการด้านเจ้าหน้าที่หรือบุคลากรที่ ให้บริการที่ระดับนัยสำคัญทางสถิติ (p=0.040) ผลการศึกษาที่ได้สามารถนำไปใช้เป็นแนวทางใน การปรับปรุงพัฒนาการให้บริการที่แผนกอายุรกรรมโรคมะเร็งและเพื่อพัฒนาบุคลากรและสถานที่ สิ่งอำนวยความสะดวก ให้ผู้ป่วยที่มารับบริการเกิดความพอใจสูงสุดต่อไป The objective of this study was to determine factors relating to satisfactiontowards services in 0ncology- Medicine department.The study sample consisted of 186 patients who visited the Oncology-Medicine department during study period. Data were collected using self-administered questionnaire. Descriptive statistics and Chi-square test were used for data analysis.Result showed that the respondent were female (61.8%) with age of 40-49 years old(38.7%).Most of the respondents were farmers (26.9%), had marriage status (82.8%), graduated Bachelor’s degree and Primary school(66.1%), had income of 12,001-20,000 Bahts/month(37.6%), had experienced the service more than 3 times (78.0%), and used Universal Coverage scheme (50.0%). A mean score for overall satisfaction was 4.58(full score = 5) and can be categorized as very satisfied. Regarding the satisfaction in 4 aspects, the mean score were 4.48 for service process, 4.67 for staffs, 4.54 for facility, and 4.59 for service quality. The relationship between factors and satisfaction found that gender of the patient was statistically significant with thesatisfaction of the service (p=0.040). The results can be used to improve service quality in 0ncology-Medicinedepartment at Banphaeo Hospital including personnel, facility aspects.