กระบวนการรับรู้ภาพลักษณ์ของลูกค้าที่มีความสัมพันธ์ต่อทัศนคติในการใช้บริการสินเชื่อเคหะ ของธนาคารออมสิน เขตบางแค กรุงเทพมหานคร

Abstract

การวิจัยครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1. ศึกษาการรับรู้ภาพลักษณ์ของลูกค้าผู้ใช้บริการสินเชื่อเคหะ ของธนาคารออมสิน เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 2. ศึกษาระดับทัศนคติของลูกค้าในการใช้บริการสินเชื่อเคหะ ของธนาคารออมสิน เขตบางแค กรุงเทพมหานคร 3. ศึกษาเปรียบเทียบความแตกต่างตามข้อมูลส่วนบุคคล ได้แก่ เพศ อายุ สถานภาพสมรส ระดับการศึกษา อาชีพ รายได้เฉลี่ยต่อเดือน ต่อทัศนคติในการใช้บริการ 4. ศึกษาการรับรู้ภาพลักษณ์ของลูกค้าที่มีความสัมพันธ์ ต่อทัศนคติในการใช้บริการสินเชื่อเคหะ ใช้แบบสอบถามเป็นเครื่องมือในการเก็บรวบรวมข้อมูล กลุ่มตัวอย่างคือ ลูกค้าที่มาใช้บริการของธนาคารออมสินในสังกัดเขตบางแค จำนวน 378 คน สถิติ ที่ใช้ในการวิเคราะห์ คือ ค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่าเฉลี่ย และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และสถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐานได้แก่ T-test , F-test และค่าสัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน ผลการศึกษาพบว่า 1. กระบวนการรับรู้ภาพลักษณ์ของลูกค้า ในภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.30 โดยรับรู้ภาพลักษณ์ ด้านการคัดเลือกมากที่สุด 2. ทัศนคติต่อการใช้บริการสินเชื่อเคหะในภาพรวม อยู่ในระดับมากที่สุด มีค่าเฉลี่ยเท่ากับ 4.24 โดยมีทัศนคติด้านความรู้สึกในการใช้บริการมากที่สุด 3. ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าที่ต่างกันมีทัศนคติในการใช้บริการสินเชื่อเคหะ ไม่แตกต่างกัน 4. กระบวนการรับรู้ภาพลักษณ์ของลูกค้ามีความสัมพันธ์ต่อทัศนคติในการใช้บริการสินเชื่อเคหะของ ธนาคารออมสิน เขตบางแค กรุงเทพมหานคร ข้อเสนอแนะจากการวิจัยครั้งนี้ การบริการที่ดี มิตรภาพที่ดี ความปลอดภัยในทรัพย์สิน และความซื่อสัตย์ในการดำเนินงาน เป็นสิ่งที่พนักงานในองค์กรควรตระหนักและยึดถือเป็นแนวทางในการดำเนินงาน เป็นสำคัญเพื่อการดำรงอยู่ของลูกค้าเก่าและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับลูกค้าใหม่นั่นเอง This research objectives were 1. to study the perception of customer’s image in relation to the service. 2. to study the attitude of using housing loan service of Government Saving Bank, Bang Kae district, Bangkok Metropolitan, 3. to compare the difference in accordance with the personal characters, such as gender, age, educational level, occupation, income status etc., towards the different attitude of the service, 4. to study the perception of customer in relations with the attitude of the service provided. The study used questionnaires as the tool to collect data from 378 customers who used the service of Government Saving Bank, Bang Kae branch, Bangkok Metropolitan. The statistics used in this data analysis were frequency, percentage, mean and standard deviation and the statistics used to test hypotheses includes t-test, F-test and Pearson’s correlation coefficient. Based on the result of the study, it was found that: 1. The process of perception on customer towards the service, in general, was at the level of high to highest, having the mean at 4.30 through image perception on selection as the highest. 2. The attitude towards service in general was at a highest level. The mean was 4.24, with a positive attitude and a sense of the service at the highest level. 3. Different in personal data of the samples had their attitude towards the service not very differently. 4. The process of perception of customer image had relation to the attitude towards the service using. Good service, great friendships security on the property. And integrity in operation. Is that employees should be aware of and adhere to implementation is critical to the maintenance of the old customers and new customers create a good image for itself.