Please use this identifier to cite or link to this item: http://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/handle/123456789/740
Full metadata record
DC FieldValueLanguage
dc.contributor.authorคำกมล, รัตถภรณ์-
dc.contributor.authorKAMGAMON, RATTHAPORN-
dc.date.accessioned2017-08-31T03:22:03Z-
dc.date.available2017-08-31T03:22:03Z-
dc.date.issued2559-06-17-
dc.identifier.urihttp://ithesis-ir.su.ac.th/dspace/handle/123456789/740-
dc.description54255315 ; สาขาวิชาการสอนภาษาไทย -- รัตถภรณ์ คำกมลen_US
dc.description.abstractการวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ ดังนี้ 1) เพื่อศึกษาผลสัมฤทธิ์ด้านการแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี ของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการเรียนรู้ตามแนวสมองเป็นฐาน และ 2) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ตามแนวสมองเป็นฐาน กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 โรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศิลปากร (ปฐมวัยและประถมศึกษา) จำนวน 33 คน ที่ได้มาด้วยวิธีการสุ่มตัวอย่างแบบง่าย ใช้เวลาในการทดลอง 15 คาบ คาบละ 50 นาที เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ 1) แผนการจัดการเรียนรู้ เรื่องการแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี สำหรับผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ตามแนวสมองเป็นฐาน 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์ด้านการแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี ของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 และ 3) แบบสอบถามความคิดเห็นของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ตามแนวสมองเป็นฐาน วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้ค่าเฉลี่ย (x ) ค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (S.D.) และทดสอบค่าสถิติที่ แบบไม่เป็นอิสระต่อกัน ผลการวิจัยมีดังต่อไปนี้ 1. ผลสัมฤทธิ์ด้านการแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี ของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสมองเป็นฐานหลังเรียนสูงกว่าก่อนเรียนอย่างมีนัยส าคัญทางสถิติที่ระดับ .01 2. ผลการศึกษาความคิดเห็นของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ตาม แนวสมองเป็นฐาน พบว่าผู้เรียนมีความคิดเห็นต่อการจัดการเรียนรู้ตามแนวสมองเป็นฐานโดยเฉลี่ยอยู่ในระดับมาก มีระดับความคิดเห็นเฉลี่ยเท่ากับ 2.93 และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐานอยู่ที่ 0.22 โดยด้านผู้สอนมีระดับความคิดเห็นเฉลี่ยสูงสุด The purposes of this research were : 1) to study of Kabyanee writing achievement of Prathomsuksa 5 students before and after using brain-based learning (BBL) approach and 2) to study the students’ opinions toward brain-based learning. The samples are 33 Prathomsuksa 5 students of the Demonstration School of Silpakorn University (Early Childhood & Elementary), as the result of the simple random sampling. The research demonstrated for 15 periods 50 minutes per 1 period. The instruments used for gathering data were comprised of : 1) the lesson plans of Kabyanee writing by using brain-based learning approach 2) an Kabyanee writing achievement test, used as a pretest and posttest and 3) a questionnaire on the students’ opinions of brain-based learning. The collected data were analyzed by mean ( x ), standard deviation (S.D.) and t-test dependent. The result revealed that : 1. The students’ Kabyanee writing achievement after using brain-based learning approach was higher than before using the brain-based learning at the level of .01 2. The students had the opinions toward brain-based learning at the high level mean equal 2.93 and standard deviation equal 0.22 and the highest is about teacher.en_US
dc.language.isootheren_US
dc.publisherมหาวิทยาลัยศิลปากรen_US
dc.subjectการจัดการเรียนรู้ตามแนวสมองเป็นฐานen_US
dc.subjectการแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์ยานีen_US
dc.subjectBRAIN-BASED LEARNING (BBL)en_US
dc.subjectKABYANEE WRITING ACHIEVEMENTen_US
dc.titleการศึกษาผลสัมฤทธิ์ด้านการแต่งคำประพันธ์ประเภทกาพย์ยานี ของผู้เรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 5 ที่ได้รับการจัดการเรียนรู้ตามแนวสมองเป็นฐานen_US
dc.title.alternativeA STUDY OF KABYANEE WRITING ACHIEVEMENT OF PRATHOMSUKSA 5 STUDENTS BY USING BRAIN-BASED LEARNING (BBL) APPROACH.en_US
dc.typeThesisen_US
Appears in Collections:Education

Files in This Item:
File Description SizeFormat 
54255315 รัตถภรณ์ คำกมล.pdf4.35 MBAdobe PDFView/Open


Items in DSpace are protected by copyright, with all rights reserved, unless otherwise indicated.