องค์ประกอบปัจจัยความฉลาดในการแก้ไขอุปสรรคของผู้บริหารกลุ่มโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติรัชมังคลาภิเษก

Abstract

การวิจัยเชิงปริมาณและเชิงคุณภาพนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทราบ (1) องค์ประกอบปัจจัยความฉลาดในการแก้ไขอุปสรรคของผู้บริหารกลุ่มโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติรัชมังคลาภิเษกและ (2) เพื่อทราบความสัมพันธ์ขององค์ประกอบปัจจัยความฉลาดในการแก้ไขอุปสรรคของผู้บริหารกลุ่มโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติรัชมังคลาภิเษกการดำเนินการวิจัยประกอบด้วย การกำหนดตัวแปรที่เกี่ยวข้องในการวิจัยในบริบทไทยและต่างชาติ การพัฒนาเครื่องมือวิจัย การเก็บรวบรวมข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลกลุ่มตัวอย่างและเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย (1) กลุ่มผู้เชี่ยวชาญจำนวน 10 คนใช้แบบสัมภาษณ์กึ่งโครงสร้าง (2) กลุ่มโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติรัชมังคลาภิเษก 29 โรงเรียน แบ่งผู้ให้ข้อมูลแต่ละโรงเรียนเป็น 2 ฝ่าย ฝ่ายบริหารและฝ่ายปฏิบัติการ ฝ่ายบริหาร ได้แก่ ผู้อำนวยการโรงเรียน 1 คน รองผู้อำนวยการโรงเรียน 1 คนหัวหน้ากลุ่มสาระการเรียนรู้ 2 คน และฝ่ายปฏิบัติการ ได้แก่ ครูผู้สอน 4 คน รวมผู้ให้ข้อมูลทั้งสิ้น 232 คนใช้แบบสอบถามความคิดเห็น การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ ใช้การหาค่าความถี่ ค่าร้อยละ ค่ามัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงสำรวจ วิเคราะห์สหสัมพันธ์คาโนนิคอล และการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ ใช้การหาค่าความถี่และการวิเคราะห์เนื้อหา ผลการวิจัยพบว่า 1. องค์ประกอบปัจจัยความฉลาดในการแก้ไขอุปสรรคของผู้บริหารกลุ่มโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติรัชมังคลาภิเษก ประกอบด้วย 8 องค์ประกอบคือ (1) แรงผลักดันที่ส่งเสริมความฉลาดในการแก้ไขอุปสรรค (2) ความสำเร็จทางวิชาการ (3) การรับรู้ความสามารถของตน (4) การฟื้นตัวจากการเผชิญอุปสรรค (5) การเรียนรู้ (6) การมองโลกในแง่ดี (7) นวัตกรรมและ (8) การกำกับตนเอง 2. ความสัมพันธ์ขององค์ประกอบปัจจัยความฉลาดในการแก้ไขอุปสรรคของผู้บริหารกลุ่มโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติรัชมังคลาภิเษกด้านปัจจัยภายใน ได้แก่การรับรู้ความสามารถของตน, การฟื้นตัวจากการเผชิญอุปสรรค, การเรียนรู้, การมองโลกในแง่ดี, และการกำกับตนเองด้านปัจจัยภายนอก ได้แก่ แรงผลักดันที่ส่งเสริมความฉลาดในการแก้ไขอุปสรรค, ความสำเร็จทางวิชาการ, และนวัตกรรม องค์ประกอบปัจจัยด้านปัจจัยภายในและด้านปัจจัยภายนอกมีความสัมพันธ์กันสูง และมีทิศทางไปในทิศทางเดียวกัน

This research employed both quantitative and qualitative approaches. The purposes were 1) to identify components of the adversity quotient of Rachamungkhalaphisek School administrators, and 2) to identify the canonical correlation of the adversity quotient of Rachamungkhalaphisek School administrators. Its procedure include: determination of related variables in Thai and foreign context; development of data collection instruments; collection and analysis of data. Samples and instruments used in the research include: (1) 7 specialists and related people by semi-structured interviews; (2) 232 administrators, heads of departments, and teachers who are working at Rachamungkhalaphisek School by using questionnaires. Quantitative data were analyzed by using the descriptive statistics of frequency, percentage, mean, standard deviation, the inferential exploratory factor analysis and canonical correlation analysis. Qualitative data were processed by frequency and content analysis. Findings were as follows: 1. components of the adversity quotient of Rachamungkhalaphisek School administrators include (1) adversity quotient strengths (2) academic achievement (3) self-efficacy (4) resilience (5) learning (6) optimism (7) innovation and (8) self-regulation 2. The relation of the adversity quotient of Rachamungkhalaphisek School administrators' components had a high relation. The internal factors include self-efficacy, resilience, learning, optimism, and self-regulation. The external factors include adversity quotient strengths, academic achievement, and innovation. The internal factors and external factors had a high relation and within the same direction.