COMPLEXITY MANAGEMENT CAPABILITY OF SMALL AND MEDIUM SIZED ENTERPRISES (SMEs) IN THAILAND

Abstract

The objectives of study were to test the causes and results of complexity management capability of Small and Medium sized Enterprises (SMEs) in Thailand with the following sub-objectives: 1) to test the complexity management capability influencing competitive advantage and business performance 2) to test the competitive advantage influencing business performance 3) to test the competitive intensity influencing relationship between competitive advantage and business performance 4) to test the strategic leadership, flexibility of organizational structure and talent management influencing complexity management capability, and 5) to suggest guideline to develop complexity management capability of Small and Medium sized Enterprises (SMEs). This research was mixed between Quantitative and Qualitative Research. The Quantitative Research was for testing causal and rational relationship by questionnaire with entrepreneurs that were 313 members of Small and Medium sized Enterprises (SMEs) in Thailand. The statistics for hypothesis test were the second order confirmatory analysis. The Qualitative Research employed in-depth interview with 6 entrepreneurs awarding SME National Awards 9th 2017.

The results of study found that 1) the complexity management capability had positive influence on competitive advantage. 2) The competitive advantage had positive influence on business performance. 3) The competitive intensity had influence relationship between competitive advantage and business performance. 4) The complexity management capability had positive influence indirectly on business performance, in which the competitive advantage was the moderator. 5) The making of strategic leadership had positive influence on the complexity management capability. 6) The making of flexibility organizational structure had positive influence on the complexity management capability. 7) The making of talent management had positive influence on the complexity management capability. The confirmatory factor analysis found that the model as hypothesis was harmonious to empirical data: Chi-square = 82.78, p-value of Chi-square = 0.369, Chi-square / df = 1.09, CFI = 0.99, GIF = 0.97, AGFI = 0.95, and RMSEA = 0.00. The contribution of this research was to explain the causal rational relationship and effect of complexity management capability of Small and Medium sized Enterprises (SMEs) in Thailand and to suggest guideline to develop complexity management capability of Small and Medium sized Enterprises (SMEs) among complexity and rapidly change in business environment nowadays.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทดสอบสาเหตุและผลลัพธ์ของความสามารถในการจัดการความสลับซับซ้อนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์ย่อยดังนี้ 1) เพื่อทดสอบอิทธิพลของความสามารถในการจัดการความสลับซับซ้อน ที่มีต่อความได้เปรียบทางการแข่งขัน และผลดำเนินงานทางธุรกิจขององค์การ 2) เพื่อทดสอบอิทธิพลของความได้เปรียบทางการแข่งขัน ที่มีต่อผลดำเนินงานทางธุรกิจ 3) เพื่อทดสอบอิทธิพลของความรุนแรงทางการแข่งขัน ที่มีต่อความสัมพันธ์ระหว่างความได้เปรียบทางการแข่งขันและผลดำเนินงานทางธุรกิจขององค์การ 4) เพื่อทดสอบอิทธิพลของภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ ความยืดหยุ่นของโครงสร้างองค์การ และการบริหารจัดการคนเก่ง ที่มีต่อความสามารถในการจัดการความสลับซับซ้อน และ 5) เพื่อกำหนดแนวทางการพัฒนาความสามารถในการจัดการความสลับซับซ้อนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทย การวิจัยนี้เป็นการวิจัยแบบผสานวิธีระหว่างการวิจัยเชิงปริมาณและการวิจัยเชิงคุณภาพ โดยใช้การวิจัยเชิงปริมาณเพื่อทดสอบความสัมพันธ์เชิงสาเหตุและผลลัพธ์ด้วยแบบสอบถามกับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทย จำนวน 313 สถานประกอบการ เก็บรวบรวมโดยใช้แบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการทดสอบสมมติฐาน ได้แก่ การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน 2 อันดับ และวิจัยเชิงคุณภาพโดยวิธีปรากฎการณ์วิทยาจากการสัมภาษณ์เชิงลึกกับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ได้รับรางวัล “สุดยอด SMEs แห่งชาติ” ครั้งที่ 9 ปี 2017 จำนวน 6 สถานประกอบการ

ผลการวิจัยพบว่า 1) ความสามารถในการจัดการความสลับซับซ้อน มีอิทธิพลเชิงบวกต่อความได้เปรียบทางการแข่งขัน 2) ความได้เปรียบทางการแข่งขันขององค์การ มีอิทธิพลเชิงบวกต่อผลดำเนินงานทางธุรกิจ 3) ความรุนแรงทางการแข่งขันมีอิทธิพลต่อความสัมพันธ์ระหว่างความได้เปรียบทางการแข่งขันและผลดำเนินงานทางธุรกิจ 4) ความสามารถในการจัดการความสลับซับซ้อน มีอิทธิพลเชิงบวกทางอ้อมต่อผลดำเนินการทางธุรกิจ โดยมีความได้เปรียบทางการแข่งขันทำหน้าที่ตัวแปรส่งผ่าน 5) ภาวะผู้นำเชิงกลยุทธ์ มีอิทธิพลเชิงบวกต่อความสามารถในการจัดการความสลับซับซ้อน 6) ความยืดหยุ่นของโครงสร้างองค์การ มีอิทธิพลเชิงบวกต่อความสามารถในการจัดการความสลับซับซ้อน และ 7) การบริหารจัดการคนเก่ง มีอิทธิพลเชิงบวกต่อความสามารถในการจัดการความสลับซับซ้อน การวิเคราะห์องค์ประกอบเชิงยืนยัน พบว่าโมเดลตามสมมติฐานมีความสอดคล้องกลมกลืนกับข้อมูลเชิงประจักษ์นั้นผ่านเกณฑ์ โดยค่า Chi-square เท่ากับ 82.78 p-value ของค่า Chi-square เท่ากับ 0.369 ค่า Chi-square / df เท่ากับ 1.09 ค่า CFI เท่ากับ 0.99 ค่า GIF เท่ากับ 0.97 ค่า AGFI เท่ากับ 0.95 และค่า RMSEA เท่ากับ 0.00 ประโยชน์จากการวิจัยนี้ สามารถอธิบายความสัมพันธ์เชิงสาเหตุและผลลัพธ์ ของความสามารถในการจัดการความสลับซับซ้อนของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ในประเทศไทย และสามารถใช้เป็นแนวทางการพัฒนาความสามารถในการบริหารจัดการของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ท่ามกลางสภาพแวดล้อมทางธุรกิจที่สลับซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน