ความเชื่อมั่นของทนายความและผู้เข้าอบรมวิชาว่าความที่มีต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจพิสูจน์การปลอมแปลงเอกสาร

Abstract

การวิจัยเรื่่องความเชื่อมั่นของทนายความและผู้เข้าอบรมวิชาว่าความที่มีต่อผู้เชี่ยวชาญด้าน การตรวจพิสูจน์การปลอมแปลงเอกสาร มีวัตถุประสงค์เพื่่อศึกษาสาเหตุจุดบกพร่องของความเชื่อมันและหาแนวทางในการพัฒนาระดับความเชื่อมั่น ที่มีต่อผู้เชี่ยวชาญ เพื่่อให้ความเห็นของผู้เชี่ยวชาญมีน้ำหนักเป็นที่ยอมรับมากขึ้น กลุ่มตัวอย่างคือผู้เข้ารับการฝึกอบรมวิชาว่าความ จำนวน 303 คน และกลุ่มเป้าหมายคือทนายความผู้มีประสบการณ์ทำงานด้านคดีปลอมแปลงเอกสารจำนวน 10 คน เครื่องมือที่ใช้เก็บรวบรวมข้อมูล คือแบบสอบถาม และแบบสัมภาษณ์เชิงลึก วิเคราะห์ข้อมูลโดยใช้สถิติพรรณนา และวิเคราะห์ข้อมูลจากการทดสอบสมมติฐานโดยใช้การวิเคราะห์เชิงอนุมาน ผลการวิจัยสรุปได้ดังนี้ 1. กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่มีความเข้าใจในเรื่องการตรวจพิสูจน์เอกสารและการปลอมแปลงลายมือ ลายมือชื่อ ให้ความเชื่อถือพยานเอกสาร มากกว่าพยานบุคคล เห็นว่าพยานผู้เชี่ยวชาญมีความสำคัญต่อกระบวนการยุติธรรมและมีบทบาทต่อการชี้ขาดคำตัดสินในคดีแพ่งทีคู่ความท้ากัน และให้การยอมรับผลการตรวจของผู้เชี่ยวชาญ เชื่อว่ามีส่วนช่วยให้ศาลใช้ดุลยพินิจตัดสินคดีได้ดีขึน แม้ว่าผู้เชียวชาญนั้นจะเกษียณอายุราชการแล้วก็ยังมีความเชื่อมัน อยู่และเห็นด้วยว่าเอกสารทีมีการปลอมแปลงไม่ว่าจะแนบเนียนเพียงใด ผู้เชี่ยวชาญก็สามารถตรวจพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงได้ และมีความเชื่อมั่นว่าการตรวจพิสูจน์เอกสารโดยผู้เชี่ยวชาญมีขั้นตอนและกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ที่พิสูจน์ได้จริง 2. ในส่วนของการสัมภาษณ์ทนายความที่มีประสบการณ์การทำงานในคดีความผิดเกียวกับการปลอมแปลงเอกสาร โดยส่วนใหญ่พบว่ามีปัญหาความไม่เชื่อมั่น ในเรื่องปัจจัยพิเศษทีมีอิทธิพลเบียงเบนความเห็นของผู้เชียวชาญให้ผิดไปจากความเป็นจริง ผู้เชี่ยวชาญขาดความเป็นอิสระในการปฏิบัติหน้าที่ รวมไปถึงภาพพจน์ขององค์กรไม่เป็นที่น่าเชือถือ และไม่อาจไว้วางใจได้ 3. ความเชื่อมันของทนายความและผู้เข้ารับการฝึกอบรมวิชาว่าความทีมีต่อผู้เชี่ยวชาญด้านการตรวจพิสูจน์การปลอมแปลงเอกสาร จำแนกตามข้อมูลทัวไปของผู้ตอบแบบสอบถาม พบว่า เพศ อายุ ระดับการศึกษา สถานภาพการสมรส การอบรมหลักสูตรการตรวจพิสูจน์เอกสาร และการรู้จักเป็นส่วนตัวกับเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน มีความสัมพันธ์กับความเชื่อมั่นที่มีต่อผู้เชียวชาญซึ่งปฏิบัติหน้าทีในการตรวจพิสูจน์การปลอมแปลงเอกสาร Research on the reliance of the lawyer and the trainees in practice subject on professional inidentification forgery. Aims to study the cause of the reliance bug and seeking ways to improve the level ofreliance that the professional. The weight of professional opinion is more acceptable. The examples of thetrainees of 303 people and its target audience is a lawyer who has experience in the case forgery of 10 wereused to collect data is questionnaires and in-depth interviews. Data were analyzed using descriptive statisticsdata and data analysis from hypothesis by inferential. The results were as follows: 1. Most of the testimony have an understanding of the identification and signature forgeryreliable evidence rather than witnesses. And that professional testimony has importance to the justice process and influence the final verdict in the civil case that doubles as a challenge. To accept the results of the professional examination and believed to contribute to the court discretion judge better. Although professional are retired and still have reliable and agreed that the forged, whether realistically. Professional can verify the facts and have reliable that the identification by professional has processes and procedures of science that have proven true. 2. In the interview, a lawyer with experience in the prosecution of offenses relating to forgery. The majority found that there is has reliable problems in the special factors influencing the opinion of professional that deviate from true factor. Professional independent on duty and image of the organization is not reliable. And may not be reliable. 3. Reliable of the lawyer and the trainees practice subject on professional in identification forgery. Separate overview data of respondents found that gender, age, education, marital status. Training on the identification and private known as a probation officer, correlated with reliable to the professional who work in the identification forged.