CREATIVE CAMPAIGN TO ENCORAGE SUSTAINABLE CONSERVATIONA CASE STUDY OF HUAI KHA KHAENG WILDLIFE SANCTUARY

Abstract

The object of this research was to design a creative campaign to encourage sustainable conservation by analyzing identities of Huai Kha Khaeng Wildlife Sanctuary. The identities were applied to the creative campaign. The research methodology was begun to collect data from documents and officers in Huai Kha Khaeng Wildlife Sanctuary and made a questionnaire about Huai Kha Khaeng Wildlife Sanctuary after analyzing the data. The questionnaire was collected from sample groups: personnel and officers of Huai Kha Khaeng Wildlife Sanctuary, people around the sanctuary, people in the city, and conservative experts. After collecting the data from respondents, researcher would analyze and summarize about the identities of Huai Kha Khaeng Wildlife Sanctuary and ways to create the campaign. The ways were to design a sample of logo, public relations, learning space, and learning activity program. Then the campaign was lunched to a target group.

The results were as follow:

1. The identities of Huai Kha Khaeng Wildlife Sanctuary could communicate by the uniqueness of Huai Kha Khaeng forest that should to be used in the campaign. That was biological diversity. There were six types of forest from eight types of Thai forest: hill evergreen forest, tropical rain forest, dry evergreen forest, mixed deciduous forest, dry deciduous dipterocarp forest, and bamboo forest except mangrove swamp forest and beach forest. Moreover, the sanctuary is the last habitat of wild water buffaloes in Thailand. Also, a story of Sueb, Sueb Nakasatien who was a former head of Huai Kha Khaeng Wildlife Sanctuary, academic, and environmental conservationist committed suicide at the sanctuary to attend and lead people to concern and protect forests and wild animals.

2. After a creative campaign was evaluated by professors, experts, and a target group; the campaign could well reflect identities of Huai Kha Khaeng Wildlife Sanctuary and well encourage sustainable conservation.

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อออกแบบการรณรงค์เพื่อส่งเสริมการอนุรักษ์อย่างยั่งยืนโดยการวิเคราะห์อัตลักษณ์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และนำข้อมูลที่ได้จากการศึกษามาประยุกต์ใช้ในการออกแบบ ซึ่งมีขั้นตอนในการดำเนินงานเริ่มต้นจากการรวบรวมข้อมูลภาคเอกสารและภาคสนาม จากนั้นทำการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อสร้างแบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์และนำไปเก็บข้อมูลภาคสนามกับกลุ่มตัวอย่าง (กลุ่มบุคลากร เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง กลุ่มประชาชนที่อยู่รอบ ๆ ผืนป่าห้วยขาแข้ง กลุ่มประชาชนในเมืองหลวง และผู้เชี่ยวชาญด้านการอนุรักษ์) แล้วทำการวิเคราะห์แบบสอบถาม แบบสัมภาษณ์ทั้งหมดเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อสรุปเกี่ยวกับปัจจัยที่เกี่ยวข้องกับอัตลักษณ์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง และแนวทางในการออกแบบการรณรงค์ แล้วทำการออกแบบตัวอย่างตราสัญลักษณ์โครงการการรณรงค์ (Logo) ตัวอย่างสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์การรณรงค์ (Public Relations ตัวอย่างพื้นที่การเรียนรู้ผืนป่าห้วยขาแข้ง (Learning Space) และตัวอย่างโปรแกรมกิจกรรมการเรียนรู้ผืนป่าห้วยขาแข้ง และชุมชน (Learning Activity Program) จากนั้นนำผลงานการออกแบบเผยแพร่สู่กลุ่มเป้าหมาย

ผลการวิจัยพบว่า

1. อัตลักษณ์ของเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่านั้น สามารถสื่อสารได้จากสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของผืนป่าห้วยขาแข้ง ซึ่งเป็นสิ่งที่ควรนำไปใช้ในการรณรงค์ คือ ความหลากหลายทางชีวภาพ ห้วยขาแข้ง มีประเภทป่าถึง 6 ประเภท จาก 8 ประเภทป่าที่พบในประเทศไทย ซึ่งประกอบไปด้วย ป่าดงดิบเขา ป่าดงดิบชื้น ป่าดงดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรังและป่าไผ่ ยกเว้นป่าชายเลนและป่าชายหาด รวมถึงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยสุดท้ายของควายป่าในประเทศไทย และเรื่องราวของคุณสืบ นาคะสเถียร อดีตหัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง นักวิชาการ นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ชายผู้เอาชีวิตเข้าแลกเพื่อเรียกร้องให้สังคมหันมาสนใจ ให้ความสำคัญและปกป้อง ผืนป่า และสัตว์ป่า

2. จากการนำผลงานการออกแบบไปประเมินโดยคณาจารย์, ผู้ทรงคุณวุฒิ และกลุ่มเป้าหมาย พบว่า ภาพรวมของการออกแบบสามารถสะท้อนถึงอัตลักษณ์ของเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งอยู่ในเกณฑ์ที่ดี และภาพรวมของการออกแบบสื่อรณรงค์สามารถส่งเสริมการอนุรักษ์อย่างยั่งยืน วัดได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดี