Female Power

Abstract

Thesis under the name “Female Power” aims to present nudity of women’s body, to call out the idea of equalities by step out of the sexual subjective that framed on women’s body and interfere the power that suppress women. For this thesis I mainly studied on feminism and artworks that involve with the scene as sources to create artworks in the form of realistic painting.

As I am a woman, the creation of “Female power” shows power and abilities of womanhood by interpretating stories from myth and history which have been importantly told as the blue print of this study and analyze those stories in my own perspective. Also, to bring the topic of nudity as a main composition to step forward out of objective view that people frame women’s body as seductiveness and lust to the symbol of brave and grace.

From the study and creating artworks, I discovered that women nowadays seem to be parts of big roll in the society by their hard work and own their value but it doesn’t mean that equalities are already imprint in our society yet and it also wildly spread to the bigger structure as well.

วิทยานิพนธ์ภายใต้หัวข้อ “อำนาจแห่งสตรี” มีวัตถุประสงค์เพื่อนำเสนอผลงานศิลปะที่ใช้การเปิดเปลือยเรือนร่างของผู้หญิง เป็นสื่อหนึ่งในการแสดงออกและเรียกร้องถึงความเท่าเทียม โดยก้าวข้ามการมองสรีระของผู้หญิงเป็นวัตถุทางเพศ ไปสู่ความมั่นใจและกล้าที่จะเผชิญหน้ากับอำนาจที่กดข่มผู้หญิงเอาไว้ให้อยู่ต่ำกว่า โดยศึกษาหลักคิดแบบสตรีนิยมและศึกษาผลงานศิลปะที่มีความเกี่ยวข้อง มาเป็นข้อมูลในการประกอบสร้างเป็นผลงานศิลปะในรูปแบบงานจิตรกรรมแนวเหมือนจริง

การสร้างสรรค์ผลงานชุด “อำนาจแห่งสตรี” เป็นการนำเสนอถึงพลังอำนาจ ความสามารถของสตรี โดยหยิบยกเรื่องราว ตำนาน ประวัติศาสตร์ ที่กล่าวขานถึงผู้หญิงที่มีความสามารถหรือมีความสำคัญและเป็นที่พูดถึง มาเป็นต้นเรื่องในการศึกษาและวิเคราะห์ตีความถึงเรื่องราวเหล่านั้นด้วยทัศนะของผู้สร้างสรรค์ในฐานะที่เป็นผู้หญิงเช่นกัน เพื่อหยิบประเด็นที่น่าสนใจมาขยายความและนำเสนอด้วยการให้ผู้หญิงที่เปิดเปลือยเรือนร่างเป็นองค์ประกอบหลักของผลงาน แสดงถึงความต้องการที่จะก้าวข้ามการมองสรีระผู้หญิงเป็นเพียงสิ่งแทนของการยั่วยวน หรือกิเลส ไปสู่ผู้หญิงในยุคใหม่ที่มีความกล้าและมั่นใจที่จะลุกขึ้นมาแสดงตัวตนที่แท้จริง ปลดเปลื้องทุกสิ่งอันที่กดทับผู้หญิงให้อยู่ในกรอบ หรือภาวะที่เป็นรองมาอย่างยาวนาน

จากการศึกษาและสร้างสรรค์ผลงาน ทำให้ผู้สร้างสรรค์ค้นพบว่า แม้ในปัจจุบันที่ผู้หญิงดูเหมือนจะสามารถเข้ามามีบทบาทในสังคมได้มากขึ้นด้วยการพยายามแสดงออกให้เห็นถึงคุณค่าและความสามารถของตนอย่างสุดกำลัง ก็ไม่ได้หมายความว่าผู้หญิงจะอยู่ในสถานะที่เท่าเทียมได้อย่างแท้จริง ซึ่งความไม่เท่าเทียมที่ว่านี้ไม่เพียงแต่เกิดขึ้นกับผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังแผ่ขยายครอบคลุมไปถึงปัญหาในเชิงโครงสร้างของสังคมนี้อีกด้วย