LEARNING ORGANIZATION AND NEW NORMAL GUIDELINES OF SHOOLS UNDER PHRANAKHONSIAYUTTHAYA PRIMARY EDUCATIONAL SERVICE AREA OFFICE 1

Abstract

The purposes of this research were to identify: 1) the learning organization of school under Phranakhonsiayutthaya Primary Educational Service Area Office 1 2) the new normal guidelines of school under Phranakhonsiayutthaya Primary Educational Service Area Office 1 3) the relationship between the learning organization and new normal guidelines of school under Phranakhonsiayutthaya Primary Educational Service Area Office 1. The samples were 123 schools under Ayutthaya Primary Educational Service Area Office 1. The respondents in each school were a school administrator or an acting school administrator, and teachers, in the total of 246 persons. The instrument employed for data collection was a questionnaire about the learning organization based on Sange concept and new normal guidelines based on Department of Health, Ministry of Public Health. The statisticsused for data analysis were frequency, percentage, arithmetic mean, standard deviation and Pearson's Product Moment Correlation Coefficient.

The research findings were as follows:

1. The learning organization of school under Phranakhonsiayutthaya Primary Educational Service Area Office 1 as a whole and an individual were at a high level. The arithmetic mean ranking from maximum to minimum were as follows; 1) team learning 2) shared vision 3) mental models 4) systematic thinking 5) the personal mastery.

2. The new normal guidelines of school under Phranakhonsiayutthaya Primary Educational Service Area Office 1 as a whole and an individual were at a highest level. The arithmetic mean ranking from maximum to minimum were as follows; 1) environmental health guidelines 2) guidelines for teachers 3) guidelines for administrators 4) guidelines for parents 5) guidelines for chef, food vendor and cleaning 6) guidelines for students.

3. The relationship between the learning organization and new normal guidelines of school under Phranakhonsiayutthaya Primary Educational Service Area Office 1 as a whole were at .01 level of statistical significance.

การวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อทราบ 1) เพื่อทราบการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 2) เพื่อทราบแนวปฏิบัติวิถีใหม่ของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 และ 3) เพื่อทราบความสัมพันธ์ระหว่างการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้กับแนวปฏิบัติวิถีใหม่ของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 โดยใช้บุคลากรในโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 เป็นหน่วยวิเคราะห์ กลุ่มตัวอย่าง คือ โรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 จำนวน 123 โรง ผู้ให้ข้อมูลโรงเรียนละ 2 คน ประกอบด้วย 1) ผู้อำนวยการโรงเรียนหรือรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียน จำนวน 1 คน และ 2) ครูจำนวน 1 คน รวมผู้ให้ข้อมูลทั้งสิ้นจำนวน 246 คน เครื่องมือที่ใช้เป็นแบบสอบถามเกี่ยวกับการเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ ตามแนวคิดของเซงเก (Senge) และแนวปฏิบัติวิถีใหม่ ตามแนวคิดของกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล คือ ความถี่ ร้อยละ มัชฌิมเลขคณิต ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และใช้สัมประสิทธิ์สหสัมพันธ์ของเพียร์สัน

ผลการวิจัยพบว่า

1. การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้ของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมาก เรียงลำดับตามค่ามัชฌิมเลขคณิตจากมากไปน้อย ได้ดังนี้ 1) การเรียนรู้ของทีม 2) วิสัยทัศน์ร่วม 3) แบบแผนทางความคิด 4) การคิดเชิงระบบ และ 5) ความเชี่ยวชาญของบุคคล

2. แนวปฏิบัติวิถีใหม่ของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาพระนครศรีอยุธยา เขต 1 โดยภาพรวมอยู่ในระดับมากที่สุด เรียงลำดับตามค่ามัชฌิมเลขคณิตจากมากไปน้อย ได้ดังนี้ 1) แนวปฏิบัติด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม 2) แนวปฏิบัติสำหรับครู 3) แนวปฏิบัติสำหรับผู้บริหาร 4) แนวปฏิบัติสำหรับผู้ปกครอง 5) แนวปฏิบัติสำหรับแม่ครัว ผู้จำหน่ายอาหาร และผู้ปฏิบัติงานทำความสะอาด และ 6) แนวปฏิบัติสำหรับนักเรียน

3. การเป็นองค์การแห่งการเรียนรู้กับแนวปฏิบัติวิถีใหม่ของโรงเรียน สังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอ่างทอง มีความสัมพันธ์ในระดับสูงอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01 ซึ่งเป็นความสัมพันธ์ แบบคล้อยตามกัน