THE DEVELOPMENT OF CRITICAL READING SKILL BY USING JACOB’S LADDER THEORY WITH ONLINE READING IN MATTHAYOMSUKSA 3 STUDENTS

Abstract

The objectives of this study were: 1) to compare the development of critical reading’s score of Matthayomsuksa 3 students before and after using Jacob’s Ladder theory with online reading. 2) To examine the satisfaction of Matthayomsuksa 3 students towards studying with Jacob’s Ladder theory with online reading. The sample group in this study was 20 Matthayonsuksa 3 students in 2nd semester/2023 at Chumchonwathadphankrai School, Mueang Chumphon District, Chumphon gathered by cluster random sampling. The instruments in this study were: 1) 5 Jacob’s Ladder theory with online reading teaching management plans each plan used 2 hours. 2) Critical reading tests applying Jacob’s Ladder theory with online reading contained 30 questions with multiple choices. 3) The satisfaction survey estimate of Matthanyomsuksa 3’s students towards studying with Jacob’s Ladder theory with online reading. The statistics used in this study were: mean (M), standard deviation (S.D.), and t-test dependent in pretest and posttest scores.

The study found that

1. The critical reading scores with online media of Matthayomsuksa 3 students after using Jacob’s Ladder theory (M = 24.00, S.D. = 3.45) was higher than before (M = 14.10, S.D. = 4.05) statistically significant at the .05 level.

2. The satisfaction of Mathhayomsuksa 3 students towards studying with Jacob’s Ladder theory with online reading at the highest level.

การวิจัยครั้งนี้มีวัตถุประสงค์ประสงค์ คือ 1) เพื่อเปรียบเทียบผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านอย่างมีวิจารณญาณอย่างมีวิจารณญาณของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้โดยประยุกต์แนวคิดของ Jacob's Ladder ร่วมกับบทอ่านจากสื่อออนไลน์ 2) เพื่อศึกษาความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยประยุกต์แนวคิดของ Jacob's Ladder ร่วมกับบทอ่านจากสื่อออนไลน์ กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนชุมชนวัดหาดพันไกร อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพร ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2566 จำนวนนักเรียน 20 คน ใช้วิธีสุ่มแบบแบ่งกลุ่ม (Cluster random Sampling) เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัยประกอบด้วย 1) แผนการจัดการเรียนรู้การอ่านอย่างมีวิจารณญาณโดยประยุกตแนวคิดของ Jacob's Ladder ร่วมกับบทอ่านจากสื่อออนไลน์จำนวน 5 แผน แผนละ 2 ชั่วโมง 2) แบบทดสอบวัดผลสัมฤทธิ์การอ่านอย่างมีวิจารณญาณที่ใช้การจัดการเรียนรู้โดยประยุกต์แนวคิดของ Jacob's Ladder ร่วมกับบทอ่านจากสื่อออนไลน์เป็นปรนัย 4 ตัวเลือกจำนวน 30 ข้อ 3) แบบสอบถามความคิดเห็นของนักเรียนที่มีต่อการจัดการเรียนรู้ด้วยรูปแบบการจัดการเรียนรู้โดยประยุกต์แนวคิดของ Jacob's Ladder ร่วมกับบทอ่านจากสื่อออนไลน์ สถิติที่ใช้ในการวิจัย ได้แก่ ค่าเฉลี่ย (M) และส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน (SD) และนำคะแนนก่อนและหลังการจัดการเรียนรู้มาเปรียบเทียบกัน โดยการทดสอบค่าทีแบบไม่เป็นอิสระต่อกัน (t - test dependent)

ผลการวิจัยพบว่า

1. คะแนนผลสัมฤทธิ์ทางการอ่านอย่างมีวิจารณญาณร่วมกับบทอ่านจากสื่อออนไลน์ของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โดยใช้การประยุกต์แนวคิดของ Jacob's Ladder หลังการจัดการเรียนรู้ (M = 24.00, SD = 3.45) สูงกว่าก่อนจัดการเรียนรู้ (M = 14.10, SD = 4.05) อย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05

2. ความคิดเห็นของนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 ที่มีต่อการจัดการเรียนรู้โดยประยุกต์แนวคิดของ Jacob's Ladder ร่วมกับบทอ่านจากสื่อออนไลน์ อยู่ในระดับมากที่สุด